ประวัติอาจารย์ วรุตม์ ไวทยกุล
" โอม ปุ ปุ ทะลุปัญญา " เป็นคาถาที่ผมเคยอ่านเจอ ในหนังสือ "คู่มือชายชาตรี" โดยอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กอายุ 12 ปี ในตอนนั้นผมคิดว่า พระคาถาคงจะหมายถึง การศึกษาสิ่งใดต้องให้ทะลุปรุโปร่ง
ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เป็นเด็ก ถ้าสนใจเรื่องอะไร ผมก็ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องนั้น จากทุกที่เท่าที่จะค้นคว้าหามาได้
เมื่อต้นปี 2518 ผมไปอ่านหนังสือสามก๊ก ซึ่งกล่าวถึงขงเบ้งดูดาว แล้วใช้ทำนายอนาคตกาล การทำศึกสงคราม
ผมเกิดความสงสัยว่า ดวงดาวอยู่ตั้งไกลเป็นล้านไมล์ มาเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนบนโลกได้อย่างไร มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงกันแน่
ยังมีเรื่องคำทำนายจากอดีตโหราจารย์ ที่มีคำทำนายไว้ และเกิดเป็นจริงตามมา มันยิ่งทำให้ผมเกิดความอยากรู้มากขึ้น
ผมได้ไปหา คุณฤชา ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เขามีความรู้ในเรื่องโหราศาสตร์ เขาก็อธิบายให้ฟัง แต่ข้อสงสัยต่างๆ ยังมีอีกมากที่เขาไม่สามารถอธิบายได้เช่น ทำไมปฏิทินโหรมี 2 แบบในเมื่อท้องฟ้าเดียวกัน และเขาได้บอกผมว่า คนที่เก่งที่สุดคือ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และแนะนำ ให้ไปติดต่อที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย
ความอยากรู้ทำให้ ผมหาเบอร์โทรศัพท์ อ.เทพย์ และโทรไปถามท่านเรื่องปฏิทิน ท่านอธิบายให้ผมเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง โดยไม่ได้ถามชื่อของผมด้วย
ครั้งแรกที่ผมไปสมาคมโหรศาสตร์ ผมได้ทดลองให้นักโหราศาสตร์ที่นั่นทำนายดวงชะตา ซึ่งมีหลายศาสตร์ที่ใช้ทำนายอนาคต ผลที่ออกมาคือ ถูกครึ่งหนึ่ง ผิดครึ่งหนึ่ง
ผมเกิดความสงสัยต่อว่า ส่วนที่ทำนายถูกเพราะอะไร และส่วนที่ทำนายผิดเพราะอะไร ผมจึงคิดว่าคำตอบของเรื่องนี้คงจะ "ไม่มี" นอกจากลงมือเรียนให้รู้ เพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเอง ประกอบกับช่วงเวลานั้น ผมก็อยากมีงานอดิเรก ที่สามารถทำเป็นอาชีพได้ ผมเลยสมัครสมาชิกสมาคมโหร และเริ่มเรียนตั้งแต่วันนั้น
ชั่วโมงแรกในภาคเช้า ที่เรียนโหราศาสตร์กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ยิ่งเกิดความงุนงงสับสนมากขึ้น เหมือนกับว่าวิชานี้เป็นของลึกลับมาก
ก่อนจะถึงชั่วโมงถัดมาในภาคบ่าย ผมได้เห็นการผูกดวงชะตาที่แปลกตามากจาก คุณกัมพล ชัยรัชนีกร ก็เลยถามว่านี่คือดวงอะไร คุณกัมพลก็เมตตาอธิบายให้ผมฟัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และบอกว่าการผูกดวงแบบนี้เป็นดวงพิชัยสงคราม ตามแบบของ อ.เทพย์ นั่นทำให้ผมสนใจมากขึ้น เมื่อได้ยินชื่อของท่านอาจารย์
คุณกัมพล บอกผมว่าต้องเรียนพื้นฐานกับ พันโท จำรูญ วัฒนะมงคล ซึ่งเป็นแนวทางของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ผมก็ทำตามเดี๋ยวนั้นทันที
หลังเรียนเสร็จในวันนั้น ผมชวนคุณกัมพล ไปหาอาจารย์เทพย์ และเราก็นั่งรถเมล์สาย 15 จาก บางลำพู ไปที่สวนลุมพินี และเดินต่อไปที่ ซอยหลังสวน 5
ครั้งแรกที่พบอาจารย์เทพย์ คุยกันได้พักหนึ่งท่านก็ถามผมว่า "คุณใช่ไหมที่เคยโทรศัพท์มาถามผมเรื่องปฏิทิน" และท่านได้บอกให้คุณกัมพล ผูกดวงของผม พร้อมกับสอนผมผูกดวงไปด้วยในวันนั้นเลย ท่านอาจารย์เทพย์สอนว่า การที่จะคำนวณหาลัคนาได้ถูกต้อง จำเป็นต้องทราบเวลาเกิดที่แน่นอน คนที่เกิดโรงพยาบาลเวลาเกิดจะมีอยู่ในสูติบัตร (ลัคนาคืออะไร คลิกที่นี่)
เป็นที่น่าภูมิใจว่า พอท่านเห็นดวงของผมกับคุณกัมพล ท่านดีใจมากและบอกว่า ท่านสวดมนต์อธิษฐานมายี่สิบปีพอดี ขอให้มีคนที่ดวงเกิดแบบนี้ มารับวิชาต่อจากท่าน 2 คน บัดนี้คำอธิษฐานเป็นจริงแล้ว เพราะท่านดูดวงเอาไว้นานแล้ว ท่านจึงรับผม และคุณกัมพลเป็นลูกศิษย์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ในวันนั้นท่าน อ.เทพย์ สั่งว่า "เมื่อจะมาเป็นลูกศิษย์ ก็ให้มาไหว้ครู ให้ถูกต้อง และในวันที่สมาคมโหรจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า ต้องหาขันเงินแท้มาด้วยคนละ 1 ใบ เพื่อให้ท่านใช้ครอบครูวิชาโหร ในพิธีไหว้ครู" และท่านอธิบายว่า หลังเสร็จพิธี ขันเงินนี้จะถูกนำไปหล่อเป็นพระพุทธรูป ท่านย้ำหลายครั้งว่า "ให้มาในวันไหว้ครูให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามให้มาให้ได้นะ"
พอถึงวันไหว้ครู ผมและคุณกัมพล ไม่มีใครไปเลยทั้งคู่ เพราะไม่มีสตางค์ไปซื้อขันเงิน โดยไม่ทราบว่าท่าน อ.เทพย์ ได้บอกให้สมาคมโหร เตรียมขันเงินเอาไว้รอพวกเราแล้ว 2 ใบ เพราะท่านคาดเอาไว้แล้วว่า เราคงไม่มีเงินซื้อ
ในปีถัดมาในวันที่ 15 เมษายน 2519 ผมและคุณกัมพล ได้ไปไหว้ครูที่บ้าน อ.เทพย์ ในคราวนี้เราเก็บเงินซื้อขันเงินกันไปเอง และได้ไหว้ครูพร้อมกัน
ปี 2522 ผมได้รู้จักกับคุณรัตน์ นามะสนธิ ผ่านทาง ร.อ.ทอม นามะสนธิ ในขณะนั้น คุณรัตน์ อายุ 80 ปี มีหนังสือโหราศาสตร์ทั้งภาษาไทย อังกฤษ และอินเดีย นับร้อยเล่ม เพราะท่านเป็นนักโหราศาสตร์ และนักแปล
คุณรัตน์ ได้มอบหนังสือโหราศาสตร์ทั้งหมดให้ผม บางอย่างเป็นต้นฉบับ และยังไม่เคยตีพิมพ์ ตั้งแต่นั้นผมชอบสั่งซื้อ ตำราโหราศาสตร์ จากต่างประเทศเป็นประจำ
ตลอดชีวิตการเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ และชีวิตการทำงาน ผมหาโอกาสไปบ้าน อ.เทพย์ เป็นประจำตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของท่าน โดยช่วง 3 ปีแรก ผมมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยคือ คุณ กัมพล จนกระทั่งท่านต้องไปรับราชการที่ต่างจังหวัด
อ.เทพย์ สาริกบุตร เป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวง เหมือนคุณพ่อของผมคนหนึ่ง ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ สั่งสอนอบรมทุกเรื่อง นอกเหนือจากวิชาโหราศาสตร์
ประวัติย่อ อ.วรุตม์ ไวทยกุล
ปี 2518 เริ่มเรียนโหราศาสตร์ ที่บ้าน อ.เทพย์ สาริกบุตร และสมาคมโหราศาสตร์ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยเป็นนักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 2 เริ่มทำนายดวงชะตาให้ผู้ใกล้ชิด
ปี 2520 สอบผ่านวิชาโหราศาสตร์มาตรฐาน ภาค 1 และ ภาค 2 (ตามรูปภาพในหน้าแรก)
ในโอกาสนี้สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ได้มอบวุฒิบัตรให้ นักเรียนนายเรืออากาศ ภาณุวัฒน์ ไวทยกุล ที่ได้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร โหราศาสตร์มาตรฐาน (ระบบนิรายะนะ) ภาค 1 และภาค 2 เริ่มทำนายดวงชะตาให้เพื่อน รุ่นพี่ อาจารย์ในโรงเรียนนายเรืออากาศ และบุคคลภายนอกทั่วไป
ปี 2522 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรืออากาศ ได้รับการชักชวนจากหัวหน้าภาควิชา น.อ.เมธา สุขวารี ให้มาเป็นอาจารย์สอนหนังสือ และได้บรรจุเป็นอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนนายเรืออากาศ
ในปีนี้ผมได้เปลี่ยนชื่อเป็น วรุตม์ เพื่อแก้ดวงชะตา ตามคำแนะนำของอาจารย์เทพย์ ที่เคยให้เอาไว้ตั้งแต่ปี 2518
ปี 2525 เริ่มทำนายดวงชะตาให้ นาวาอากาศเอก วีระ กิจจาทร ว่า "ท่านจะได้เลื่อนตำแหน่งจากรองผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ และเลื่อนยศเป็นพลอากาศตรี และเป็นจริงในเดือนตุลาคม"
ต่อมาท่านได้นำดวงชะตาคนที่เพิ่งตายไม่ถึง 7 วันมาให้ผมทำนาย ผมก็ได้ตอบไปว่า "ระยะนี้ดวงชะตาคนนี้กำลังร้ายมาก จากอุบัติเหตุ เลือดตกยางออก และอาจมีอันตรายถึงชีวิต และผมถามท่านกลับไปว่า เวลานี้เจ้าของดวงนอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้วหรือยัง ท่านหัวเราะแล้วตอบกลับมาว่า นอนอยู่ในโลงแล้ว"
จากนั้นเป็นต้นมาท่านก็แนะนำให้ผม ได้รู้จักท่านผู้ใหญ่หลายท่านๆ เพื่อทำนายดวงเรื่อยมา
ปี 2526 ได้รับทุนกองทัพอากาศ และไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ที่ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าภาควิชาคือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วุทธิพันธุ์ ปรัชญพฤทธิ์
ปี 2529 จากผลงานการทำนายดวงชะตา ทำให้ได้เป็นนายทหารคนสนิท พลอากาศเอกวีระ กิจจาทร และอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนนายเรืออากาศ
ปี 2531 ทำนายดวงชะตา พลอากาศโท วีระ กิจจาทร ว่าท่านจะได้เลื่อนยศเป็นพลอากาศเอก และได้ตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด ผลคือวันที่ 1 ตุลาคมเป็นพลอากาศเอก และวันที่ 3 ตุลาคมบรรจุเป็นผู้อำนวยการใหญ่บริษัทการบินไทย
ปี 2531 ผมลาออกจากราชการ เพื่อติดตาม พลอากาศเอก วีระ กิจจาทร ที่ท่านได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ และผมมาลงในตำแหน่งเลขาบริษัทฯ ผมได้ทำงานอยู่กับท่านจนกระทั่งท่านเกษียณ จากนั้นจึงย้ายไปอยู่กับผู้ใหญ่ท่านอื่น
ปี 2541 จดทะเบียนโดเมนเนมเว็บไซต์ fortunestars.com เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 เริ่มใช้เวลาว่างในการศึกษาและสร้างเว็บไซต์ ได้รับความช่วยเหลือจากผู้รู้ รวมทั้งเพื่อนๆด้วย
ปี 2543 เดือนตุลาคมได้เริ่มทดลอง และทำการเผยแพร่เว็บไซต์ fortunestars.com ทางอินเทอร์เน็ต
ปี 2558 เกษียณจากบริษัทการบินไทย
ลัคนาคืออะไร และทำไมจึงต้องใช้เวลาเกิดในการคำนวณ
ตอบ ถ้าเรามองไปที่จุดขอบฟ้าทางตะวันออก ตรงจุดที่พระอาทิตย์ขึ้นในวันนั้น ณ.เวลาที่เกิดของเรา ถ้ามองทะลุไกลออกไปถึงกลุ่มดาวฤกษ์ที่เป็นฉากด้านหลัง ถ้าตรงกับดาวฤกษ์ใด ลัคนาจะอยู่ตรงนั้น และเป็นจุดเจ้าชะตาอย่างแท้จริง
หากท่านย้อนกลับไปดูรูปตัวอย่าง แผ่นดวงชะตาด้านบนท่านจะเห็นว่าลัคนาคือ [ ลั ] และยังมีตัวเลขกับอักษรแทนดาวต่างๆ ตั้งแต่ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร และอื่นๆ ตั้งแต่ 0 ถึง ๙ กับ น และ พ
ซึ่งหากเรามองทะลุผ่านดาวเหล่านั้น ไปตรงกับราศีใดก็หมายความว่า ดาวนั้นๆ สถิตอยู่ในราศีดังกล่าว
สำหรับพวกที่ทำนายแบบ 12 ราศีนั้น ใช้วันที่กับเดือนที่เกิด ซึ่งทุกปีพระอาทิตย์จะเวียนมาอยู่ที่เดิม ต่างกันไม่เกิน 1 องศา คนเกิดวันที่และเดือนเหมือนกัน ถึงแม้ต่างปีกัน พระอาทิตย์ก็จะอยู่ที่เดียวกัน
ดังนั้นหากเรามองทะลุพระอาทิตย์ ไปตรงกับกลุ่มดาวฤกษ์ราศีใด พวกดูดวง 12 ราศีก็แบ่งคนทั้งโลกออกเป็น 12 ประเภทเท่านั้น
ยังมีอีกประเด็นคือ ราศีไม่ตรงกันของโหรตะวันออกซึ่งใช้กลุ่มดาวฤกษ์แบ่งราศี กับโหรตะวันตกที่แบ่งราศีโดยใช้การเอียงของแกนโลกปีละ 50 ฟิลิบดา ทำให้ปัจจุบันราศีของ 2 ระบบต่างกัน ประมาณ 24 องศา ถ้าดูตามคำทำนายแบบ 12 ราศี เราจะเห็นวันที่เริ่มต้นไม่เหมือนกันเช่น วันที่ 15 กับวันที่ 22 ของแต่ละเดือน เพราะเขาคำนวณคนละระบบนั่นเอง
การทำนายโดยใช้เวลาเกิดจึงเจาะจงเฉพาะตัวบุคคลมากกว่า เพราะคำนวณหาลัคนา และใช้ดาวทุกดวงในการทำนายดวงชะตา ความแม่นยำจึงมากกว่าแบบ 12 ราศี
คำถามที่ผู้คนชอบสงสัยว่าตนเองเป็นชาวราศีอะไร จึงมี 4 คำตอบว่า เป็นชาวราศีที่คำนวณหาจากลัคนา หรือเป็นชาวราศีแบบ 12 ราศีที่คำนวณหาเฉพาะดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวเท่านั้น ซึ่งจะมี 2 คำตอบจากการแบ่งราศีแบบโหรตะวันออก และทำนองเดียวกันมีอีก 2 คำตอบตามการแบ่งราศีแบบโหรตะวันตก รวมเป็น 4 คำตอบ ซึ่งการคำนวณต่างกันนั่นเอง
วิธีดีที่สุดในการคำนวณหาลัคนาคือ คนที่เกิดในโรงพยาบาล และลงเวลาเกิดไว้ในสูติบัตร
ทั้งนี้เพราะ ใน 1 วันมี 24 ชั่วโมง หรือเท่ากับ 1440 นาที
โลกหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 4 นาทีได้ 1 องศา
เมื่อเอา 1440 หารด้วย 4 จะเท่ากับ 360 องศา ครบการหมุนของโลก 1 วันพอดี และลัคนาจะโคจรผ่านครบทั้ง 12 ราศี
ด้วยเหตุนี้ การดูดวงโดยการคำนวณหาลัคนา จึงมีความแม่นยำเจาะลึกกว่าแบบ 12 ราศี
ดังนั้น ถ้าเวลาเกิดคลาดเคลื่อนทุก 4 นาที การคำนวณหาลัคนาจะคลาดเคลื่อนไป 1 องศา
หากไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอน ท่านสามารถทดลองได้ด้วยวิธีการตามลิ้งก์นี้ ถามตอบ
จากนั้นทำตามคำแนะนำ โดยทดลองดูดวง เพื่อหาเวลาเกิดได้จากลิ้งก์นี้ ดูดวงฟรี
หากท่านต้องการดูดวงส่วนตัวกับผม คลิกที่ลิ้งก์นี้ ขั้นตอนดูดวง