ทำไม "ดาวบนฟ้า" ถึงไม่ตรงกับ "ดวงในกระดาษ"? เจาะลึกความขัดแย้งของปฏิทินโหราศาสตร์ไทย

ในโลกของโหราศาสตร์ เรามักจะได้ยินคำว่าระบบ นิรายะนะ (Nirayana) ที่นิยมในฝั่งตะวันออก (ไทย, อินเดีย) และระบบ สายะนะ (Sayana) ที่นิยมในตะวันตก แต่ความสับสนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นซับซ้อนกว่านั้น เพราะในระบบนิรายะนะเอง กลับมีการแตกแขนงออกเป็น "ปฏิทินสุริยาตร์" และ "ปฏิทินดาราศาสตร์" จนเกิดเป็นข้อถกเถียงว่า... แล้วเราควรเชื่อดาวดวงไหน?

1. จุดเริ่มต้นที่เคยเป็นหนึ่งเดียว

หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1,734 ปีที่แล้ว (ราว พ.ศ. 834) โลกของเราไม่มีปัญหาเรื่อง "ราศีไม่ตรงกัน" เพราะในตอนนั้น จุดราศีเมษของทั้งระบบนิรายะนะและสายะนะ ทับกันสนิทพอดี เรียกว่า "จุดอายันสงส์เป็นศูนย์"

การเปรียบเทียบจุดวิษุวัตและการส่ายของแกนโลกในทางโหราศาสตร์

แต่ด้วยปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่แกนโลกส่าย (Precession) ทำให้จุดวิษุวัตถอยหลังไปเรื่อยๆ ปีละน้อย จนปัจจุบันทั้งสองระบบมีตำแหน่งราศีห่างกันถึงประมาณ 24 องศาเศษ

2. เมื่อนิรายะนะในไทยแตกเป็น 2 ฝักฝ่าย

ปัญหาใหญ่ในบ้านเราคือการใช้ระบบนิรายะนะเหมือนกัน แต่ใช้ "วิธีคำนวณ" ต่างกัน:

  • ระบบสุริยาตร์ (ดั้งเดิม): เป็นคัมภีร์คำนวณด้วยมือที่สืบทอดกันมานับพันปี แต่ปัจจุบันตำแหน่งดาวเริ่มคลาดเคลื่อนจากท้องฟ้าจริงเนื่องจากเป็นสูตรคงที่
  • ระบบดาราศาสตร์ (Modern): ใช้ตำแหน่งดวงดาวที่เกิดขึ้นจริงบนท้องฟ้า (Ephemeris) ตรงกับค่าที่องค์การ NASA ยอมรับ

3. การเปรียบเทียบความต่างในปี 2568

หากดูดาวใหญ่ในปีนี้ จะเห็นส่วนต่างที่ชัดเจนมาก เช่น ดาวเสาร์ (๗) ในระบบดาราศาสตร์จะย้ายเข้าสู่ราศีมีนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม แต่ระบบสุริยาตร์จะคำนวณว่าย้ายในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งห่างกันเกือบ 2 เดือน ส่งผลให้การทำนายดวงชะตาคลาดเคลื่อนได้

บทสรุป: ความจริงบนท้องฟ้าคือคำตอบ

ในมุมมองที่เน้นเหตุผล ระบบดาราศาสตร์ คือคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุด เพราะเป็นการใช้ตำแหน่งดาวที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้จริงผ่านกล้องโทรทรรศน์ การปรับปรุงปฏิทินให้เท่าทันจักรวาลจึงเป็นการรักษาหัวใจของโหราศาสตร์ให้คงความแม่นยำไว้ในโลกยุคปัจจุบัน

** การดูดวงชะตา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ **


« กลับไปหน้ารวมบทความ